วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ KM ท่านคิดว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง


เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการจัดการความรู้ 

         เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการนำระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ  สำหรับในด้านการจัดการความรู้  เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่เอื้อให้การจัดการความรู้ประสบความสำเร็จ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนความรู้สามารถทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัยก็มีส่วนช่วยให้การจัดการความรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้นั้นประกอบด้วย

              1 เทคโนโลยีการสื่อสาร ช่วยให้บุคลากรสามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวมทั้งสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ค้นหาข้อมูลสารสนเทศและความรู้ที่ต้องการได้ผ่านทางเครือข่ายอินทราเน็ตหรืออินเทอร์เน็ตได้
              2  เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานร่วมกัน  ช่วยให้สามารถประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในเรื่องของระยะทาง เช่น โปรแกรมการทำงานเป็นกลุ่มหรือกรุ๊ปแวร์ (Groupware) เป็นซอฟแวร์ที่ทำให้มีการทำงานร่วมกันเป็นทีมผ่านระบบเครือข่าย มีการสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการประชุมร่วมกัน
              3  เทคโนโลยีในการจัดเก็บความรู้ ช่วยในการจัดเก็บและจัดการความรู้ต่างๆ เช่นระบบจัดการฐานข้อมูล  เหมืองข้อมูล (Data Mining) ที่เป็นการดึงข้อมูลจากแหล่ง จัดเก็บข้อมูลในคลังข้อมูล (Data Warehouse) มารวบรวมและแสดงผลในรูปแบบที่ใช้ประโยชน์ได้

              



วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การจัดการความรู้

การจัดการความรู้

                 การจัดการความรู้ในมุมมองของผมเป็นการนำเอาความรู้มาจัดเก็บอย่างเป็นระบบ  สามารถนำมาเผยแพร่หรือนำกลับมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว   เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาองค์การให้มีความเจริญก้าวหน้า

1.    ความรู้แบบชัดแจ้ง คือ  ความรู้ที่เห็นได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม  เป็นความรู้ที่ได้มาจากการเรียนในห้องเรียน  การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง  ความรู้ที่อยู่ในตำรา เช่น พวกหลักวิชา หรือทฤษฎีทั้งหลายอันได้จากการวิเคราะห์  สังเคราะห์  ผ่านกระบวนการพิสูจน์  กระบวนการวิจัย  จึง เรียกว่า ความรู้ชัดแจ้ง

 2.    ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน  คือ เป็นสิ่งที่เห็นไม่ชัด  เป็น ความรู้ที่เกิดจากการฝึกฝน   การปฏิบัติงานจนเกิดทักษะและ   กลายเป็นความชำนาญ   เชี่ยวชาญ  จึงเป็นประสบการณ์ติดตัวของแต่ละบุคคล  เป็นความรู้ที่เกิดจากวิจารณญาณ   ปฏิภาณไหวพริบ  เป็นเทคนิคเฉพาะตัวบุคค

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สมเด็จพระเทพรัตนราชการสุดา ฯ กับ การจัดการความรู้

ด้านการศึกษา

ในปี พ.ศ. 2525 ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป เปิดทำการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2525 โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานกรรมการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ และทรงเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทุกครั้ง รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินไปในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียนทุกครั้ง เพื่อพระราชทานทุนพระราชทานส่งเสริมการเรียนดี และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญจนาภิเษกวิทยาลัย (ช่างทองหลวง)เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของพลตรียุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในขณะนั้น ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น "ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อยตั้งแต่นั้น ต่อมา เมื่อมีการตั้งกองวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2530 พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2529 และเป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (อัตราจอมพล) เมื่อปีพ.ศ. 2543นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงรับเชิญเป็นพระอาจารย์สอนในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒนั้น พระองค์ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษ สาขาพัฒนาศึกษาศาสตร์ด้วย
ในปี พ.ศ. 2533 เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวครั้งแรกระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน 12 ล้านกีบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเงินไปก่อสร้างเรือนนอนให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พระราชทานชื่อว่า “อาคารสิรินธร” โดยมีพระราชดำริที่จะช่วยเหลือนักเรียนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในรูปแบบของโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยนำแนวทางที่ดำเนินการในประเทศไทยมาประยุกต์ใช้ และสนับสนุนการประกอบอาชีพเสริม
พ.ศ. 2535 ทรงพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือกัมพูชาในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพูชา โดยพระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่าง ๆ เสด็จฯ ไปทรงเปิดวิทยาลัยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษา เพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย รวมทั้งทรงสนับสนุนการศึกษาด้านนาฏศิลป์และดนตรี
ในปี พ.ศ. 2549 พระองค์ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างนักอักษรศาสตร์ที่มีมุมมองและแนวคิดใหม่เพื่อเป็นกำลังของชาติ
มีพระวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ สร้าง"องค์ความรู้"ให้แก่ประเทศไทย

ด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย

พระองค์ทรงสนพระทัยด้านศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะทางด้านดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ทรงสนับสนุนในการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ความรู้ด้านดนตรีไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทรงเป็นแบบอย่างในการเสด็จทรงเครื่องดนตรีไทยร่วมกับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังทรงอนุรักษ์ดนตรีไทยโดยการชำระโน้ตเพลง บันทึกเพลงเก่า และเผยแพร่งานเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดการเผยแพร่งานทางด้านดนตรีไทย ซึ่งจากงานทางด้านการอนุรักษณ์ดนตรีไทย ครูเสรี หวังในธรรม ได้กล่าวไว้ว่า “ดนตรีไทยไม่สิ้นแล้ว เพราะพระทูลกระหม่อมแก้วเอาใจใส่”
นอกจากด้านดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้าน การช่างไทย นาฎศิลป์ไทย งานพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ภาษาและวรรณกรรมไทยพระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ” เมื่อ พ.ศ. 2531 และ “วิศิษฏศิลปิน” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เพื่อเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขา รวมทั้ง ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรมของชาติ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีมติให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์เป็น "วันอนุรักษ์มรดกของชาติ" เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีอีกด้วย ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2523

ด้านการพัฒนาสังคม

พระองค์ทรงสนพระทัยงานด้านการพัฒนา ซึ่งถือเป็นงานหลักที่พระองค์ทรงงานควบคู่กับงานวิชาการ พระองค์ทรงเรียนรู้งานทางด้านพัฒนาจากการตามเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถไปทรงเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากการที่พระองค์ทรงได้เสด็จฯ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย พระองค์ทรงนำความรู้ที่ได้จากการลงพื้นที่จริงมาใช้ในงานด้านการพัฒนาสังคม นำไปสู่โครงการตามพระราชดำริส่วนพระองค์มากมาย โดยโครงการตามพระราชดำริในระยะเริ่มแรกนั้น พระองค์ทรงงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดารที่มีปัญหาขาดสารอาหาร ดังนั้น จึงทรงพระราชดำริส่งเสริมให้นักเรียนปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แล้วนำมาประกอบเป็นอาหารกลางวันรับประทาน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยเริ่มที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดราชบุรีกาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และได้ขยายออกไปยัง 44 จังหวัดในพื้นที่ทุรกันดาร โครงการในพระราชดำริในระยะต่อมา พระองค์ทรงมุ่งเน้นทางด้านการศึกษามากขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงพระราชดำริว่า การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติและคุณงามความดีของบุคคล โดยพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ประชาชนทุกระดับชั้นสามารถได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับจากรัฐ

ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรู้หนังสือ

สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์  เมื่อวันที่2 กันยายน พ.ศ. 2519  หลายโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศ ได้เสด็จเยี่ยมและทรงดูงานห้องสมุดชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งได้พระราชทานข้อแนะนำแก่สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ และบรรณารักษ์ไทยในการนำความรู้ไปพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดประชาชนรวมทั้งห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีที่เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อขยายโอกาสให้ประชนในการพัฒนาการรู้หนังสือ นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการประชุมสามัญประจำปีของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯเสมอมา รวมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นประธานในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสมาพันธ์สมาคมห้องสมุดฯนานาชาติ (IFLA) และมีพระราชดำรัสเปิดการประชุม IFLA ครั้งที่ 65 ที่กรุงเทพมหานครในปี 1999 

ด้านการต่างประเทศ

พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปอย่างเป็นทางการ ระหว่าง ปี พ.ศ. 2503-พ.ศ. 2504 ในขณะที่มีพระชนมายุ 5 พรรษา หลังจากนั้น พระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นจำนวนหลายครั้ง โดยการเสด็จฯ นั้น พระองค์เสด็จฯ ทั้งในฐานะผู้แทนพระองค์ พระราชอาคันตุกะหรืออาคันตุกะของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ รวมทั้ง เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งนอกจากจะทรงงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศแล้ว พระองค์ยังเสด็จฯ ทอดพระเนตรสังคม วัฒนธรรม สถานที่ต่าง ๆ และทรงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ของประเทศนั้น ๆ และได้ทรงนำความรู้และประสบการณ์ที่ทรงได้ทอดพระเนตรและจดบันทึกมาประยุกต์ใช้กับการทรงงานภายในประเทศด้วย ซึ่งการเสด็จฯ ทรงงานในต่างประเทศของพระองค์ทำให้หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสว่าถวายพระราชสมัญญานามแด่พระองค์ว่า “เจ้าฟ้านักดูงาน” หรือ “Le Princesse Stagiaire” รวมทั้ง พระองค์ยังได้รับการยกย่องจากสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีนว่าทรงเป็น "ทูตสันถวไมตรี"” ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อก่อเกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนาสังคม อาทิเช่น ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งพระองค์ได้ทรงมีโครงการตามพระราชดำริทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และการสาธารณสุข การพัฒนาทางด้านการศึกษา เป็นต้น นอกจากประเทศลาวแล้ว โครงการเพื่อการพัฒนาของพระองค์ยังได้ขยายออกไปยังประเทศกัมพูชาประเทศพม่า และประเทศเวียดนามด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ ความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ พระองค์ทรงให้ความร่วมมือในโครงการอาหารในโรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการของโครงการอาหารโลกแห่งองค์การสหประชาชาติ โดยได้แต่งตั้งให้พระองค์เป็นทูตพิเศษของโครงการด้วย, โครงการการศึกษาเพื่อทุกคน เป็นโครงการด้านการส่งเสริมศักยภาพของเด็กชนกลุ่มน้อย ด้วยการศึกษาและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมทั้ง โครงการการศึกษาหลังประถมศึกษาสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่น โดยมูลนิธิการศึกษาเพื่อผู้ลี้ภัย สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ

ด้านการสาธารณสุข

จากการที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดาร ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็นถึงปัญหาทางด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรในชนบท พระองค์จึงมีพระราชดำริจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพอนามัยของราษฎร โครงการแรกที่พระองค์ทรงเริ่ม ได้แก่ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันแล้วยังช่วยให้นักเรียนมีความรู้ทางด้านโภชนาการและการเกษตรด้วย และปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ การระบาดของโรคคอพอกเนื่องจากการขาดสารไอโอดีน พระองค์ทรงแก้ไขปัญหานี้โดยทรงริเริ่ม โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน ด้วยการรณรงค์ให้มีการใช้เกลือไอโอดีนหรือหยดไอโอดีนในการประกอบอาหาร และอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการขาดไอโอดีน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่เสริมการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ พระองค์ยังให้ความสำคัญต่อสุขภาพอนามัยของแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดารด้วย โดยพระองค์ทรงตระหนักว่าคนเราจะภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดีนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ในครรภ์มารดา พระองค์จึงเริ่ม โครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้แม่และเด็กได้รับบริการทางด้านอนามัยอย่างเหมาะสม รวมทั้งได้รับโภชนาการที่ถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทานและหน่วยทันตกรรมพระราชทานเพื่ออกตรวจรักษาราษฎรในถิ่นทุรกันดารที่พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมในแต่ละครั้ง รวมทั้งทรงรับผู้ป่วยที่ยากจนเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ด้วย
พระองค์เสด็จ ณ โรงพยาบาลต่าง ๆ ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ด้วยความเป็นห่วงประชาชนที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและจักษู นำวิทยาการในประเทศเยอรมนีมาสู่เมืองไทย

ด้านศาสนา

เนื่องจากพระองค์ทรงได้รับการอบรมให้มีความใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทำให้พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยพระองค์มักมักจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เสด็จฯ เป็นผู้แทนพระองค์ เพื่อเป็นองค์ประธานในพิธีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เช่น พิธีเวียนเทียนที่พุทธมณฑล เนื่องในวันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา เป็นต้น
พระองค์ทรงริเริ่มให้มีการฟื้นฟูประเพณีฉลองวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นประเพณีที่เคยมีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยได้ทรงประกาศเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันจุดโคมประทีป และส่งบัตรอวยพรที่มีข้อธรรมะ เพื่อเป็นการพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ทราบถึงประวัติและความสำคัญของวันวิสาขบูชา รวมทั้ง ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยพระองค์ยังได้พระราชทานโคลงข้อธรรมะเพื่อให้กระทรวงวัฒนธรรมพิมพ์แจกแก่พุทธศาสนิกชนในบัตรอวยพรวันวิสาขบูชาด้วย และพระองค์ยังทรงพระราชดำริให้ธรรมสถานแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานเทศน์มหาชาติร่ายยาวขึ้น ซึ่งเป็นการเทศน์มหาชาติตามรูปแบบที่ถูกต้องตามตำรับหลวง เพื่อชี้นำให้คนไทยได้เข้าใจในคุณค่าของเรื่องมหาชาติ และประเพณีการเทศน์มหาชาติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่ง คือ พระองค์ยังทรงเป็นแม่กองในการซ่อมแซมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อให้สำเร็จทันงานพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 ซึ่งงานบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้ประสบปัญหาล่าช้า เนื่องจากงบประมาณน้อย รวมทั้ง ขาดแคลนช่างในสาขาต่าง ๆ เป็นต้น งานในครั้งนี้พระองค์ทรงดูแลอย่างใกล้ชิด และคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ด้วยพระราชหฤทัยที่เด็ดขาด รวมทั้ง แก้ได้รับเงินบริจาคจากพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนร่วมสมทบทุนจึงทำให้งานบูรณะในครั้งนี้จึงเสร็จทันกาล นอกจากนี้ พระองค์ทรงบูรณะวัดท่าสุทธาวาส จังหวัดอ่างทอง และทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่เพื่อเป็นพระราชกุศลในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ และทรงรับวัดนี้ไว้ในพระราชอุปถัมภ์ด้วย
นอกจากพระพุทธศาสนาแล้ว พระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาอื่น ๆ โดยมิได้ทรงละเลย ซึ่งเมื่อพระองค์ได้รับคำกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปประกอบพิธีกรรมของศาสนาต่าง ๆ นั้น พระองค์ก็จะเสด็จฯ ตามคำกราบบังคมทูลเสมอ

ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

พระองค์มีพระราชดำริให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาพัฒนาประเทศหลายประการ ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการของโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เป็นเลขานุการ โดยมีพระราชดำริให้โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโครงการนำร่องและใช้เป็นตัวอย่างในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ และมีพระราชประสงค์จะให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้น ๆ มารับช่วงต่อไป พระองค์ทรงเริ่มนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในชนบท ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 ในโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับโรงเรียนในชนบท โดยพระราชทานเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปรณ์ที่จำเป็นเพื่อจัดตั้งเป็นห้องเรียนขึ้น และพัฒนามาจนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ ปัจจุบัน มีโรงเรียนในโครงการประมาณ 85 แห่ง โดยมีโรงเรียนในจังหวัดนครนายกเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเพื่อนำแนวทางใหม่ ๆ ไปทดลองใช้กับโรงเรียนในชนบท และทรงริเริ่ม โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อคนพิการ เพื่อให้คนพิการสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างความรู้ ความบันเทิง พัฒนาทักษะ และสร้างอาชีพต่อไปในอนาคต พระองค์ทรงมีคณะทำงานที่จะศึกษาวิจัยเพื่อหาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีและวิธีการช่วยเหลือผู้พิการในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม ซึ่งโครงการนี้มีโรงเรียนศรีสังวาลย์เป็นหน่วยงานหลัก นอกจากนี้ โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำรินี้ ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ต้องขังในทัณฑสถานได้รับการอบรมและฝึกทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างการถูกคุมขัง เพื่อสามารถนำความรู้ที่ได้รับนำไปพัฒนาตนเองและนำไปประกอบอาชีพได้ และมีโครงการสำหรับเด็กป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้ขาดโอกาสทางด้านการศึกษา โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการเรียนรู้ สร้างความเพลิดเพลิน รวมทั้ง ส่งเสริมพัฒนาการแก่เด็กที่ป่วยด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานทางด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทย 76 จังหวัด ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ดูแลโครงการนี้
จากพระราชกรณียกิจทางด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทำให้วารสารอินโฟแชร์ ซึ่งเป็นวาสารของสำนักงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารของยูเนสโก ได้ตีพิมพ์บทความเฉลิมพระเกียรติการอุทิศพระองค์เพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านสารสนเทศของเด็กและผู้ด้อยโอกาสของไทย รวมทั้ง ยังได้ถวายนาม “IT Princess” หรือ “เจ้าหญิง ไอที” แก่พระองค์อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ในหลวงกับการจัดการความรู้

         หลายต่อหลายครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพบเจอปัญหา ทรงใช้ธรรมชาติแก้ปัญหาธรรมชาติด้วยกัน แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในงานเปิดตัวโครงการปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับทรัพยากร ธรรมชาติอย่างอเนกอนันต์ หลายครั้งที่มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับป่าและน้ำ อาทิ ให้เก็บกักน้ำไว้บนที่สูงมากที่สุดและจ่ายปันลดหลั่นลงมา ดังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯให้พิจารณาส่งน้ำขึ้นไปยังจุดสูงที่สุดเท่าที่ จะดำเนินการได้ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถจ่ายน้ำลงไปหล่อเลี้ยงกล้าไม้อ่อนที่ปลูกทดแทนไว้บนภูเขาได้ ตลอดเวลาหรือการฟื้นฟูตามหลักธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงชี้แนะแนวทางโดยถือหลักธรรมชาติฟื้นตัวเอง ดังพระราชดำรัสพระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา  4 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ว่าถ้าพูดเรื่องปลูกป่านี้จะยืดยาวมาก ไม่มีสิ้นสุด แต่จะต้องอธิบายอย่างนี้ว่า ถ้าได้เลือกที่ที่เหมาะสม แล้วก็ทิ้งให้อยู่อย่างนั้นโดยไม่รังแกป่า ต้นไม้จะขึ้นเองแม้ป่าจะสิ้น ไปแต่การปลูกป่าทดแทนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีแนวพระราชดำริเรื่องของการปลูกป่าทดแทนใน เรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. 2537 ว่าทรงให้ความสำคัญกับพืชพันธุ์ไม้ท้องถิ่น ทรงเตือนให้ระวังการนำพันธุ์ไม้ต่างถิ่นเข้าไปปลูก โดยไม่ได้ศึกษาอย่างดีพอมาก่อนการปลูกป่าธรรมชาติหรือปลูกป่าต้นน้ำ ลำธาร ควรศึกษาดูก่อนว่าพืชพันธุ์ไม้ดั้งเดิมมีอะไรบ้าง แล้วปลูกแซมตามรายการชนิดต้นไม้ที่ศึกษามาได้ ไม่ควรนำไม้แปลกปลอมต่างพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาปลูกโดยยังไม่ได้ศึกษาอย่างแน่ ชัดเสียก่อน อย่างไรก็ตามในพื้นที่อาจจะใช้ไม้โตเร็วที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย เช่น ต้นยางพารา ปลูกเป็นต้นไม้นำก่อนก็ได้..
          รวมถึงการจัดหาน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในรูปของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝายชะลอความชื้น กระทั่งการจัดทำฝนหลวง พร้อมทั้งมีการจำลองการนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการแก้ปัญหาดินดานด้วยหญ้าแฝก การแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวด้วยวิธีการแกล้งดิน ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจากแนวพระราชดำริ ที่บังเกิดผลสำเร็จสู่ประชาชนให้ได้มีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และ ที่สำคัญการจัดนิทรรศการ ได้จำลองรูปแบบการทำงานที่ประสบผลสำเร็จและสามารถขยายผลสู่สังคมโดยทั่วไป ที่เกี่ยวข้องได้ นับตั้งแต่การเกษตรด้านการเพาะปลูก ด้านการจัดการดิน และด้านการบริหารและจัดการน้ำ ตลอดทั้งการเพิ่มคุณภาพ และปริมาณในผลผลิต การอนุรักษ์เชิงพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารและการจัดการน้ำในเขตชุมชนเมือง ดังกรณีกังหันน้ำชัยพัฒนา และการใช้พืชคุณภาพต่ำ และมีประโยชน์น้อยมาเป็นตัวกรองน้ำตามธรรมชาติก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และทะเลที่ประสบความสำเร็จในการรณรงค์โครงการเศรฐกิจพอเพียงในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ของเขตตลิ่งชัน และทวีวัฒนา โดยกรุงเทพมหานคร เป็นต้น ทั้งหมด เหล่านี้มีการนำมาจัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการที่มีชีวิต สามารถมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครได้รับรู้นายสมพลกล่าวและตลอดเวลาใน ระหว่างการจัดงานปรากฏ ว่ามีประชาชนทั้งที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และประชาชนที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ที่เดินทางมาชมงานต่างให้ความสนใจต้องการนำเอาแนวพระราชดำริของพระองค์เพื่อ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยที่ในบางรายได้ให้ความสนใจด้วยการสอบถามอย่างละเอียดและขอทราบแหล่งเพื่อ ศึกษาดูงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่สอดคล้องกับงานในอาชีพของตนเองโดยเฉพาะในงานการพัฒนาด้านการเกษตร เศรษฐกิจพอเพียงจะมีความสนใจมาก เนื่องจากประเทศอยู่ในภาวะเศรษฐกิจขาลง ขณะเดียวกันหลักการเศรษฐกิจ พอเพียงนับเป็นกรรมวิธีในการใช้ชีวิตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสังคมไทยตลอดมา และหลายครั้งที่สังคมไทยอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย การใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำริในโครงการเศรษฐกิจพอเพียงได้เข้ามาเป็นเส้นทาง เลือก และโอกาสเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติมาโดยตลอดนอกจากนี้ทาง สำนักงาน กปร. ยังได้นำคู่มือตามแนวพระราชดำริ สมุดภาพชุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักเพียงใด ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ สมุดแจกโครงการ 60 ปีครองราชย์ ประโยชน์สุข ประชาราษฎร์มาแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานด้วยซึ่งเอกสาร คู่มือตามแนวพระราชดำริ มีจำนวน 11 เล่ม ประกอบด้วย หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำเนินชีวิต ทฤษฎีใหม่ชีวิตพอเพียง จอมปราชญ์แห่งดิน น้ำคือชีวิต รักษ์ป่ารักษาชีวิต ฝายชะลอความชุ่มชื้นในรูปแบบต่าง ๆ หญ้าแฝกกำแพงธรรมชาติที่ มีชีวิต ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตผล สำเร็จจากแนวพระราชดำริและพระเกียรติเกริกไกรหนังสือและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานอันเนื่องมาจากพระราช ดำริ และหลักการในการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีการแจกจ่ายแก่ประชาชนในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับทราบถึงความเป็นมาในโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ และได้รับทราบถึง  กิจวัตรของพระองค์ในการทรงงาน ที่สำคัญข้อมูลเอกสารเหล่านี้นอกจากการรับรู้ของประชาชนแล้ว ผู้ใดสนใจต้องการนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการนำไปพัฒนา ปรับปรุง การประกอบอาชีพของตนเอง ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย เนื่องจากที่ผ่านมามีเกษตรกรในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้นำเอกสารเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพจนประสบผลสำเร็จมาแล้วหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

ท่านคิดว่า Group ware มีความสำคัญอย่างไร ต่อการตัดสินใจ และให้หาตัวอย่างเพิ่มเติม (อย่างน้อย 200 คำ)

เป็นเครื่องมือที่นำเข้ามาช่วยในการสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม หรือการประชุมกลุ่ม   (To support groupwork / meetings)  โดยส่วนมากแล้ว  Groupware   จะใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการทำงาน (Computer-supported cooperative work :CSCW)  และมีโปรแกรมเฉพาะสำหรับสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม มีระบบสารสนเทศสำหรับใช้สนับสนุนการตัดสินใจกลุ่ม (Group Support Systems : GSS)  มีเทคโนโลยีหรือ Software(Groupware) ที่ใช้ร่วม  เช่น ระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic meeting systems)  หรือ ระบบการประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic conferencing systems)

1) Enterprise E-mail
ระบบบริหารการรับ-ส่ง E-mail ที่รวบรวมทุก Feature ที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งาน ใช้ได้ทั้งแบบ Web Mail และ POP3รองรับการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ และการส่งงานปริมาณสูง
 2) Enterprise Directory
บริหารรายชื่อพนักงานตามโครงสร้างองค์กร สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยไม่ต้อง จดจำรายชื่อ และรองรับการทำงานตามสาย บังคับบัญชาร่วมกับ Module อื่นๆ
3) Personal Contact
จัดเก็บรายชื่อส่วนตัวอย่างละเอียด และเป็นระบบ ง่ายต่อการค้นหาและเรียกใช้ และสามารถจัดตั้งกลุ่มทั้งส่วนตัวและส่วนรวม เพื่อใช้งานร่วมกับ Module อื่นๆ
4) Personal Calendar
บันทึกนัดหมาย กิจกรรมส่วนตัว กำหนดให้เตือนเมื่อถึงเวลานัดหมายได้ รวมถึงเชื่อมโยงกับการค้นหาเวลาว่างในการประชุมกลุ่ม และใช้เป็นปฏิทินการทำงานร่วมกับระบบอื่น
5) Group Meeting & Schedule 
บริหารนัดหมายประชุม โดยระบบจะจัดหาเวลาว่างที่ตรงกันระหว่างผู้เข้าร่วมประชุม และให้ผู้เข้าร่วมตอบรับหรือปฏิเสธได้
 6) To Do List
บันทึกที่ช่วยเตือนความจำเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามงานร่วมกันได้
7) TeamWork Messenger
ระบบส่งข้อความด่วน สามารถสนทนา หรือส่งไฟล์ให้กับเพื่อนร่วมงานที่ Online ได้ทันที รวมถึงสามารถจัดเก็บบทสนทนาไว้ได้

8) Web Space
สามารถจัดเก็บไฟล์เอกสารทั้งส่วนตัวและส่วนรวม บนพื้นที่จัดเก็บแบบ Online สะดวกในการเรียกใช้ข้อมูล และสามารถ Share ข้อมูลดัง 
9) Instant Alert
ระบบเตือนแบบ Real Time สำหรับ E-mail ใหม่ที่ได้รับนัดหมายใหม่อัพเดตนัดหมายผู้ร่วมงานที่ Online และใช้ร่วมกับระบบอื่นๆอีกมากมายกล่าวให้ผู้อื่นได้ด้วย
10) Administrator
กำหนดให้ Webmaster ของแต่ละองค์กร สามารถบริหารจัดการผู้มีสิทธิ์ใช้ระบบ กำหนดสิทธิ์ในการใช้งานต่าง ๆ บริหารฟังค์ชั่นการทำงานส่วนรวมของทั้งโปรแกรม
11) SMS Gateway
สามารถส่ง SMS แบบ Stand Alone หรือทำงานร่วมกับ Module อื่นๆ เช่น E-mail, Calendarเพื่อส่งถึงผู้ร่วมงานรายบุคคล กลุ่มที่ตั้งไว้ หรือบุคคลภายนอก
 12) Mobile Version
สามารถใช้งาน TeamWork (PDA Version) ผ่าน Pocket Browser สำหรับผู้บริหาร หรือผู้ที่อยู่นอกสถานที่ทำงาน สามารถติดตามงานได้ทุกที่ทุกเวลา

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คำถามประจำสัปดาห์ที่ 9 คำถามที่ 2

คำถามประจำสัปดาห์ที่ 9 คำถามที่ 2 



กำหนด Symbol ให้กับประโยคต่างๆ 

กฏ
ข้อเท็จจริง (หลัง IF)
นิพจน์
ข้อเท็จจริงใหม่ (หลัง THEN)
นิพจน์
R1
เป็นผู้เรียนคอมพิวเตอร์ขั้นต้น
A
เรียนภาษาเบสิค
C
ต้องการความสนุก
B


R2
ต้อองการความยาก
D
เรียนภาษาซี
E
R3
เป็นผู้เรียนคอมพิวเตอร์ขั้นสูง
F
เรียนภาษาจาวา
G
R4


เรียนภาษาไพทอน
H
R5
ผู้เรียนไม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์
I


R6
ผู้เรียนคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์
J


เขียนโปรแกรมไม่เป็น
K


R7
เขียนโปรแกรมเป็น
L


R8
เข้าใจโฟว์ชาร์ท
M


R9
ไม่เข้าใจโฟว์ขาร์ท
N



เขียนกฎทั้งหมดให้อยู่ในรูปแบบของ Symbolic Logic

R1           IF A and B THEN C
R2           IF A and D THEN E
R3           IF F and D THEN G
R4           IF F and B THEN H
R5           IF I THEN A
R6           IF J and K THEN A
R7           IF J and L THEN F
R8           IF M THEN L
R9           IF N THEN K

เขียน AND/OR graph ของกฎ

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Expert System

Expert System มาใช้ในการออกแบบทรง

  การนำ Expert System มาใช้ในการออกแบบทรงผมนั้น จะช่วยในการหาทรงผมที่เข้ากับรูปทรงของใบหน้า เพื่อที่จะต้องการสำหรับผู้ที่ใช้งาน ระบบจะทำการสแกนใบหน้าของผู้ใช้เช่น ทรงหน้า คิ้ว ตา จมูก โหนก แก้ม ปาก คาง ใบหู เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ดังรูป

1. รูปหน้าไข่
สาวที่มีรูปหน้านี้ ถือว่าโชคดีมากค่ะ เพราะเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด สามารถหาทรงผม ที่เข้ากับรูปหน้าได้ง่าย และหลากหลาย ไม่ว่าจะสั้นจะยาว ตัดผมทรงไหนก็ได้ทั้งนั้นผมยาว ผมประบ่า ผมสั้น สกินเฮด, บ๊อบ, สไลด์ ได้หมดทุกทรงค่ะ แต่แบบที่สวยโดนใจสุดๆ คงต้องเป็นผมสไลส์ไล่ระดับ ในช่วงใดของใบหน้า ที่อยากให้คนอื่นมอง เช่น สไลซ์ใกล้โหนกแก้ม ริมฝีปาก หรือ คาง

ควรหลีกเลี่ยง: 
ผมสั้นสไลซ์ไล่ระดับ ที่เพิ่มความสูงให้กับส่วนบนของศีรษะ เพราะจะทำให้ใบหน้าดูยาวไปค่ะ


2. รูปหน้ากลม
- สาวหน้ากลม มีคางสั้น บางครั้งก็มีแก้มแถมมาด้วยทำให้ความกว้างและความยาวของใบหน้าดูเท่าๆ กันไปหมด ทรงผมที่เข้ากับสาวหน้ากลมควรเป็นทรงผมที่เพิ่มความสูงให้ศีรษะและเล่นระดับจากด้านบนศีรษะลงมาด้านล่างเพื่อเป็นการถ่ายเทน้ำหนักและความอวบกลมของใบหน้าให้กระจายออกไป ส่วนผมข้างๆ ไม่ควรปล่อยให้ฟูเพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูกลมเข้าไปใหญ่ ทำผมเรียบๆ หรือจะปล่อยยาวตรงลงมาแล้วเหน็บไว้ข้างหูจะดีกว่าค่ะ

- เหมาะกับทรงผม ที่มีความยาวเลยคางลงไป และทรงผมที่ เล่นระดับจากศีรษะด้านบน ลงด้านล่าง ซึ่งจะช่วยถ่ายเทน้ำหนัก และความกลมตันของใบหน้าให้เฉลี่ยออกไปด้านข้าง ทรงผมที่สวยน่ารัก คือผมดัดลอนอ่อนๆตั้งแต่ช่วงปลายติ่งหูลงไป สไลซ์ให้ยาวระดับไหล่
ควรหลีกเลี่ยง: 
- อย่าไว้ทรงผมดัดหยิกลอนเล็ก ที่มีความยาวระดับคาง ผมแสกกลาง อย่ารวบผมตึง หรือตัดผมเสียจนสั้นจู๋ เพราะจะยิ่งทำให้หน้ากลมมากขึ้น และอย่าทำผมเคลียข้างแก้ม

- ไม่ใช่ว่าสาวหน้ากลมห้ามรวบผมตึง โดยเด็ดขาดนะคะ เพราะสาว Christina Ricci ทำให้ดูแล้วว่า ถ้าต้องการรวบผมตึง มีเทคนิคยกช่วงบนให้สูง คือ การตีโป่งผมช่วงบน แบบทันสมัย เพียงเท่านี้ ก็ทำให้สวยเลิศเชียวละค่ะ


3. รูปหน้าสี่เหลี่ยม หรือรูปหน้าเหลี่ยม
- สาวที่มีลักษณะหน้าผากกว้าง โหนกแก้มเยอะ หรือคางปาด ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นเป็นรูปเหลี่ยมชัดเจน แบบผมสำหรับหน้าทรงนี้ต้องทำให้หน้าดูซอฟท์ลง การแสกข้างสามารถจะช่วยได้ รวมถึงการสไลด์ไล่ระดับตามผมกรอบใบหน้าด้านข้าง (เพื่อปิดขากรรไกร ไล่ลงมาด้านล่าง) หรือดัดปลายผมเป็นลอนอ่อนๆ ก็จะช่วยทำให้ใบหน้าดูนุ่มนวลขึ้นได้ค่ะ 

- ถ้าเป็นผมสั้น ก็ควรซอยหรือสไลด์ให้ดูน้อยลง ปลายแหลมๆ จะช่วยให้คางดูเรียวขึ้น และมีความยาวระดับไหล่จะเป็นทรงที่เหมาะกับคุณมากที่สุด เพื่อช่วยอำพรางรูปหน้าให้เรียวขึ้น

- ทรงผมที่เหมาะกับคุณควรมีความยาวระดับไหล่ลงไป ผมดัดลอนใหญ่หรือเป็นคลื่นแบบธรรมชาติดูจะเหมาะกับคุณมากกว่าผมตรงธรรมดา เพราะจะดึงความสนใจให้คุณดูมีแก้มมากขึ้น และต้องพยายามสไลด์ผมให้บางหน่อย

ควรหลีกเลี่ยง: 
ผมบ๊อบตัดตรง หรือผมสั้นระดับคาง หรือผมม้าตรงทื่อๆ เพราะมันจะยิ่งเน้นบริเวณช่วงกราม ให้เห็นเหลี่ยมมุมของใบหน้าเด่นชัดยิ่งกว่าเดิมค่ะ
ดาราคนดังที่มีใบหน้าเหลี่ยม: Angelina Jolie และ Sandra Bullock  


4. รูปหน้ายาว หรือหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- เป็นรูปหน้าที่ผสมผสานใบหน้าแบบรียาวและสี่เหลี่ยม มีปัญหาเรื่องคางปาดแบบสี่เหลี่ยมแต่ทว่ามีความยาวของรูปหน้ามาช่วย ซึ่งคุณสามารถอำพรางคางเสริมแก้ม ด้วยทรงผมดัดเป็นลอนอ่อนๆ (แบบลอนใหญ่หรือคลื่นกว้างๆ) ถึงปานกลาง ก็สามารถเพิ่มความกว้างให้ศีรษะได้ค่ะ

- หากเป็นผมตรง ควรเพิ่มความกว้างของใบหน้า ด้วยไว้ผมหน้าม้า หรือซอยปรกหน้าเล็กน้อย หรือผมแสกข้าง

- ผมสั้นที่เหมาะกับรูปหน้าคือ ทำผมบ็อบความยาวระคาง หรือซอยสไลซ์ไล่ระดับผมถึงบริเวณคาง ก็เป็นอีกทรงที่เหมาะกับสาวหน้ายาวทั้งหลาย เพราะจะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณดูอิ่มขึ้น และไม่ควรไว้ผมยาวมากเกินไปหรือตัดผมให้สั้นมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาวค่ะ

ควรหลีกเลี่ยง: 
ทรงผมสั้นสไลซ์ที่สั้นเกินไป หรือที่เน้นน้ำหนักช่วงบนศีรษะ เช่น ตีโป่งด้านหน้า อันนี้ไม่ควรทำค่ะ เพราะจะเน้นให้ใบหน้าดูยาวยิ่งขึ้นค่ะ
ดาราคนดังที่มีใบหน้ายาว หรือหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า: Liv Tyler และ Sarah Jessica Parker  


5. ใบหน้ารูปหัวใจ
- สาวที่มีรูปหน้าแบบนี้ คือจะมีส่วนบริเวณหน้าผากและแก้มกว้าง ส่วนขากรรไกร ปลายคางค่อนข้างแหลมและแคบ ดังนั้นเพื่ออำพรางบริเวณดังกล่าว ผมม้าตัดตรงตามแนวหน้าผาก ส่วนบริเวณด้านหลังจะตัดบ๊อบแนวตรง, สไลด์สั้นความยาวบริเวณบ่า รับรองเป็นทรงที่ตัดออกมา รับกับใบหน้าคุณมากที่สุด

- ถ้าต้องการตัดผมสั้น ควรให้ผมด้านบนยาว และสไลซ์ให้ดูเบา อย่าง ผมหน้าม้าปาดข้างที่ออกจะฮ็อตฮิตอยู่ สาวๆผมสั้นทรงนี้จะดูเปรี้ยว เฉี่ยว ทันสมัย ไฮโซววว์มากๆค่ะ

- ถ้าอยากไว้ผมบ็อบระดับคาง หรือเคลียไหล่ เหมาะกับทรงผม ที่เซ็ตปลายสะบัด หรือสไลซ์ปลาย เพราะจะช่วยไม่เน้น ให้คางดูแหลมมากนักค่ะ

- ถ้าชอบผมยาว จะดูสวยโดดเด่นเป็นพิเศษ กับทรงผมดัดคลื่นลอนอ่อนๆ เพราะบดบังความสูงของโหนกแก้ม และพรางตาไม่ให้คางเล็กแหลม จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนหวานมากยิ่งขึ้นค่ะ

ควรหลีกเลี่ยง:
ผมม้าตัดตรง เพราะจะเน้นใบหน้าช่วงล่างทั้งคาง และโหนกแก้มให้ชัดเจนมากไปค่ะ ส่วนการสไลซ์ที่ตัดหยาบๆ ไม่บางเบา ก็จะทำให้โครงใบหน้าเราดูแข็งค่ะ


6. ใบหน้ารูปเพชร
- เป็นสาวที่มีรูปหน้ายาว เล็กมีช่วงโหนกแก้มค่อนข้างกว้าง ในขณะที่หน้าผากและคางแคบ (ตรงกันข้ามกับรูปหน้าทรงหัวใจ) หัวใจสำคัญของทรงผมสาวๆ หน้ารูปสามเหลี่ยม คือ ต้องหาทรงผมที่ช่วยพรางโหนกแก้มได้รวมทั้งเพิ่มความกว้างของหน้าผากไปด้วยเช่นกัน

- ควรทำผมหน้าม้าที่ซอยสไลซ์ แล้วปัดไปด้านข้าง การซอยสไลซ์ผมช่วยเพิ่มน้ำหนักของผมช่วงหน้าผากจนถึงบริเวณใบหู เพื่อสร้างความสมดุลให้กับใบหน้า ส่วนบริเวณช่วงกรามหรือคาง ให้งุ้มผมเข้ามาช่วยปกปิดความกว้าง

ควรหลีกเลี่ยง: 
อย่าพยายามเพิ่มความสูงของทรงผมบนศรีษะ ด้วยการทำผมสไลซ์ไล่ระดับที่เพิ่มความสูงให้กับส่วนบนของศีรษะ เพราะจะทำให้ใบหน้าดูยาวจนเกินไปค่ะ ถ้าผมยาวระดับปลายคาง อย่าพยายามไดร์ฟผมช่วงปลายคางให้ชี้บานออกไป เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ช่วงกรามของคุณดูกว้างขึ้นค่ะ


7. รูปหน้าสามเหลี่ยม หรือหน้ารูปลูกแพร หรือหน้ารูปหัวใจกลับหัว
- สาวหน้ารูปลูกแพร์ คือ คนที่มีหน้าผากค่อนข้างแคบ (มีหน้าผากแคบกว่าช่วงกราม) และกว้างขึ้นเรื่อยๆจากหน้าผากลงไปจนถึงคาง และมีคางเล็กกลม ทรงผมที่เข้ากับรูปหน้าแบบนี้ควรเป็นผมที่ทำแล้วช่วยหลอกตาว่าส่วนหน้าผากมีความกว้างกว่าหรือพอๆ กับช่วงกราม โดยเลือกทรงที่เพิ่มความกว้างให้กับหน้าผากและช่วงขมับนั่นเอง

- ผมบริเวณศีรษะด้านบนควรซอยให้ดูบางหรือน้อยกว่าที่อื่น และพรางช่วงหน้าผากหรือแก้มส่วนบนด้วยหน้าม้าเช่นเดียวกัน